Final


เทคนิคการอ่านหนังสือ

1. อ่านหน้าสรุปก่อน
     อ่านตอนจบก่อนเลย ผู้เขียนหนังสือส่วนใหญ่ชอบเขียนให้ดูลึกลับ ชักแม่น้ำทั้งห้า เขียนอธิบายอย่างละเอียดยิบ ใช้ประโยคที่ต้องอ่านซ้ำสองสามรอบถึงจะเข้าใจ โดยเฉพาะในหน้าแรก ๆ ของบท เราไม่จำเป็นต้องรู้ประวัติชีวิตของผู้เขียน บทนำ ซึ่งจะเป็นการเขียนเกริ่นแนะนำให้อ่านต่อไปเรื่อย ๆ ซะเป็นส่วนใหญ่

2. ใช้ปากกาไฮไลต์เพื่อนเน้นใจความสำคัญ
     โดยปกติแล้วผู้เขียนมักจะกล่าวประเด็นซ้ำไปมาหลายหน้าและให้ข้อมูลสรุปประเด็นที่ย่อหน้าสุดท้าย ให้ไฮไลต์บริเวณนั้น เมื่อเราเปิดหนังสือมาอ่านอีกครั้ง เราจะสามารถทราบทุกอย่างที่จำเป็นต้องรู้ด้วยการมองเพียงแวบเดียว



3. ดูสารบรรณและหัวข้อย่อย
     ดูสารบรรณและอ่านหัวข้อที่น่าสนใจหรือเกี่ยวข้องกับงานวิจัยที่จะทำเท่านั้น หรือไม่ก็ใช้วิธีการ อ่านผ่านๆอย่างรวดเร็วจนเมื่อเจอหัวข้อที่น่าสนใจจึงค่อยหยุดอ่านอย่างตั้งใจทำให้การอ่านั้นไม่น่าเบื่อ เพราะว่าเราจะได้อ่านสิ่งที่เราสนใจจริง ๆ เท่านั้น




4. ขวนขวายกันสักนิด 

     หาความรู้ข้างนอกมาเสริมจะช่วยให้เราเข้าใจสิ่งที่เรียนได้ง่าย และเข้าใจมากขึ้น ลองเปิดโลกใหม่ดูบ้าง หาหนังสือเล่มอื่นๆ ในห้องสมุด หรือในอินเตอร์เน็ตก็มีเยอะแยะไปที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาที่เรียนมาอ่านดูซึ่งหนังสือบางเล่มพูดถึงเล่มเดียวกันแต่เขียนได้น่าอ่าน อ่านเข้าใจง่าย มีภาพประกอบเพิ่ม สรุปแบบอ่านแล้วเข้าใจ ซึ่งจริง ๆ เนื้อหาก็เรื่องเดียวกับที่เรียนในห้อง





5. พยายามอย่าอ่านทุกคำ
     การอ่านทุกคำจะช่วยให้จดจำข้อมูลได้อย่างละเอียดยิบ ความจริงแล้วหาเป็นเช่นนั้นไม่ เพราะสมองจะได้รับข้อมูลมากเกินไปและเกิดความล้า เบื่อหน่ายจนตาลอยอ่านหนังสือไม่เข้าหัวในที่สุด ที่เป็นเช่นนี้เพราะหนังสือที่ไม่ได้อยู่ในประเภทนิยายมักจะถูกเขียนอธิบายซ้ำ ๆ เพราะผู้เขียนต้องการจะกล่าวอธิบายให้กระจ่าง แต่ใจความสำคัญจริง ๆ แล้วอยู่ที่บทสรุปเพียงไม่กี่ย่อหน้า หนังสือส่วนใหญ่ใส่ข้อมูลหลักฐานจนแน่นมากกว่าจะกล่าวถึงประเด็น ซึ่งก็เป็นเรื่องดีและน่าสนใจ




6. เขียนสรุปมุมมองของผู้อ่าน
     การเขียนนั้นเป็นวิธีการที่ง่ายที่สุดในการรวบรวมข้อมูลสำคัญในระยะเวลาอันสั้น หากเป็นไปได้ให้เขียนใจความสำคัญในแบบฉบับของเราใน 1 หน้ากระดาษ โดยพูดถึงประเด็นที่ผู้เขียนต้องการจะสื่อ ยกตัวอย่างสั้น ๆ และคำถามหรือความรู้สึกของเราที่ต้องการการค้นคว้าเพื่อหาคำตอบต่อไปให้ดียิ่งขึ้น



7. อภิปรายกับผู้อื่น
     จับกลุ่มกันพูดถึงเนื้อหาของหนังสือที่ต้องอ่านช่วยทำให้เราจำได้ง่ายขึ้น บางครั้งอาจพูดถึงหนังสือในแง่ตลก ๆ ก็จะทำให้เราจำประเด็นนั้นได้เมื่อเราอยู่ในห้องสอบ เพราะเราจะคิดถึงเรื่องตลกก่อน เป็นการใช้หลักการเชื่อมโยงข้อมูลที่ทำให้สมองของเราทำงานได้ง่ายขึ้น



8. จดคำถามข้อสงสัยที่เกิดขึ้นระหว่างการอ่าน

     หัวใจหลักของเทคนิคนี้ คือการตั้งคำถาม อย่าเชื่อว่าผู้เขียนนั้นเขียนได้ถูกต้องซะทีเดียว ให้จดจ่อกับสิ่งที่อาจและใช้ความคิดเชิงวิเคราะห์ในการอ่าน เช่น
  • ทำไมผู้เขียนจึงกล่าวเช่นนั้น?
  • หลักฐานคำอธิบายนี้เป็นจริงหรือ?
  • ประเด็นนี้เกี่ยวข้องกับข้อโต้แย้งของผู้เขียนอย่างไร?
  • ผู้เขียนต้องการสื่อข้อความนี้ให้แก่ใคร?




แนวทางประกอบอาชีพ

อาชีพ:นักพัฒนาเกม(game developer)

     เมื่อนักเล่นเกมส์ The Gamer กำลังจะเป็นเปลี่ยนนักสร้างเกมส์ Game Developer ใครล่ะจะรู้ได้ว่ามันสามารถทำเงินได้จริง… ถ้าจะให้บอกเรื่องราวเหล่านี้กับผู้ใหญ่ (ที่ค่อนข้างหัวโบราณ) บางกลุ่ม อาจจะถูกว่า เป็นเรื่องนี้โกหกที่เหลือเชื่อ แต่ปัจจุบันนั้น เรื่องราวนี้มันได้เกิดขึ้นจริงมาพักนึงแล้ว และมันก็กำลังจะขยายเพิ่มอีกเป็นเท่าตัว ที่สำคัญ อาชีพนี้ คืออาชีพที่สร้างรายได้สูงไม่น้อย
ย้อนกลับไปเมื่อหลายปีก่อน เกมส์หรือวีดีโอเกมส์ต่าง ๆ ยังไม่ได้ถูกพัฒนาเหมือนในยุคนี้ จึงทำมีผู้ใหญ่บางกลุ่ม ค่อนข้างเป็นห่วง และเป็นกังวลเกี่ยวกับลูกหลานของตนเอง ที่กำลังซุ่มเสี่ยงเข้าข่ายพฤติกรรมติดเกมส์ เพราะพวกเขามองว่า นอกจากจะไม่สร้างประโยชน์แล้ว ยังมีแต่ผลเสียที่กระทบต่อการเรียน การงานและการใช้ชีวิตในสังคม แต่จะว่าไปนั้นก็อาจไม่ใช่ทั้งหมด เพราะมีกลุ่มเด็กติดเกมส์บางคน ก็ไม่ได้เข้าข่ายนั้น ตรงกันข้าม เด็กติดเกมส์บางคน กลับกลายเป็น (The Gamer)หรือเป็นนักเล่นเกมส์ ที่กลายเป็นอาชีพ สร้างรายได้ ยิ่งกว่านั้น บางคนโดยเฉพาะกลุ่มเด็กเนริด์ กลับกลายเป็นนักสร้างเกมส์ (Game Developer) สร้างอาชีพจนพัฒนา และประสบความสำเร็จ

แนวทางการเรียน:คณะวิศวกรรมศาสตร์สาขาภาควิชาวิศวกรรมดิจิทัลมีเดียและระบบเกม






ความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

โปรแกรมภาษาPython

เทคโนโลยีในอนาคต